UNIT (1) : SERIES : ALL x GIN

UNIT (1) 

คำว่ารักยังไม่เคยออกมาจากปากเขาเลยเเท้ๆ ฉันจะไปเชื่อได้ยังไงกันแต่ถึงจะยังไม่เชื่อ ความรู้สึกแปลกๆนั่นก็ยังคงเชื่อมเราสองคนเอาไว้ 


     " ฮิ จิ คา ตะ คูงงง "
     " หนวกหูจริง "
     " ใจร้ายจังเลย คนเขาอุตส่าห์มาหาถึงที่ทำงานเลยนะ " กินโทกิทำท่าทำตาน่าสงสารขึ้นมาทันทีทันใด
     " ก็เพราะจะมาป่วนใช่ไหมล่ะ ถ้ามาเพื่อการนั้นล่ะก็แนะนำให้ไสหัวกลับไปได้เลย ฉันไม่ว่างจะมาเล่นด้วย "
     " ก็ไม่ได้จะมากวนซักหน่อยนี่ "
     " แล้วที่แกทำอยู่นั่นไม่ได้เรียกว่าป่วนงั้นหรอ ? " มองอีกคนที่นั่งตรงกันข้ามกับโต๊ะทำงานของเขาพลางเอานิ้วจิ้มหมึกสีดำที่เจ้าตัวกำลังใช้อยู่ขึ้นมาเล่นหน้าตาเฉย
     " ก็แค่อยากรู้อยากเห็นน่ะ ว่าแต่ว่านั่นนายทำอะไรอยู่ ขอดูหน่อยสิ " พูดจบก็คว้ากระดาษที่อีกคนกำลังตั้งอกตั้งใจเขียนอยู่
     นั้นทำให้ฮิจิคาตะอารมณ์เสียขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่เขาก็พยายามจะสะกัดกั้นอารมณ์โกรธแล้วก็คว้ากระดาษนั่นกลับมาทันควัน
     " เอกสารราชการ " ตอบห้วนๆกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์
     " ชิ! ไม่สนแล้วก็ได้ "
     กินโทกิทำหน้ามุ่ยไม่พอใจพลางกลิ้งตัวลงไปกับพื้นก่อนจะนอนหลับตาพริ้มไปอย่างรวดเร็ว ฮาจิคาตะที่เห็นอีกคนมีที่ทีที่สงบลงไปได้เขาก็พอจะหายใจเข้าออกไปสะดวกหน่อย ก่อนจะตั้งสติเริ่มทำงานใหม่ ไม่ทันตั้งตัว มือเจ้าตัวแสบก็เริ่มระรานที่ขาของเขาจนได้
     " กินโทกิ! "
     " หืม? " กินโทกิเอียงคอพูดพร้อมกับมือที่ไปหยุดอยู่ตรงไหล่อีกคน
     " ไม่ต้องมาทำหน้างง นายทำอะไรของนาย "
     " ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ "
     พูดจบก็คืบคลานตัวเข้าใกล้ก่อนจะเอนกายพิงซบไหล่กว้างนั่นอย่าไม่สนใจเสียงต่อว่านั่นแม้ซักนิด ฮิจิคาตะมีท่าทีตอบสนองโดยเร็ว แต่เขาก็ผลักหัวอีกคนออกก่อนจะเขกหัวนั่นอย่างไม่ใยดี
     " โอ๊ยย!! ทำบ้าอะไรของแกน่ะไอ้มายองเนส!! "
     " คนอย่างแกไม่ต้องมาพูดมากเลย เมื่อไหร่จะเลิกกวนกันซักที! " ฮิจิคาตะตะหวาดเสียงใหญ่ด้วยความหงุดหงิด ราวกับอัดอั้นมานานยังไงอย่างงั้น
     " ก็ไม่น่าจะต้องทำขนาดนี้ด้วยนี่ ! "
     " หนวกหู พอแกอยู่ฉันทำงานไม่ได้เลย "
     " เออ ได้! เชิญแกทำงานตามสบายได้เลย ขอโทษที่มารบกวนนะคุณรองหัวหน้า! "
     จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงปิดประตูเสียงดังสนั่นตามด้วยเสียงเท้าของกินโทกิที่เดินอย่างเดือดดาลด้านนอกจนพื้นไม้นั่นแทบจะสั่นสะเทือนไปทั่วกันเลยทีเดียว
     ฮิจิคาตะที่ได้นั่งทำงานมาซักพักก็เหมือนจะกลับมามีอะไรกังวลใจจนทำงานต่อไม่ได้อีกครั้ง ก่อนจะปาดเหงื่อที่ไหลตกจรงคางไปนั่นแล้วนอนราบลงไปกับพื้นไม้เย็นเฉียบ
     ' พูดแรงเกินไปหรือเปล่านะ? '
     จนลองทบทวนดู ถึงพวกเขาจะทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่เคยตะหวาดใส่เพราะเรื่องแค่นั้นแท้ๆ คงเป็นเพราะอากาศที่ร้อนระอุของช่วงกลางวันทำให้เขารู้สึกเดือดปุดๆตามก็เป็นได้ แต่สีหน้าหลังจากที่เขาพูดแบบนั้นไปของกินโทกิก็ดูไม่ค่อยจะดีนะ...
     " โธ่เว้ย ! ให้ตายสิทำงานไม่ได้เลย "
     ฮิจิคาตะพูดก่อนจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่สบอารมณ์อย่างมาก เขาได้แต่ไตร่ตรองแล้วไตร่ตรองเล่า จนได้ผลสรุปว่าอย่างน้อยๆก็ต้องไปดูให้แน่ใจว่าอีกคนไม่ได้รู้สึกแย่จนเกินไป เพราะนั้นอาจจะทำให้เขามองหน้ากันไม่ติด หรืออย่างน้อยๆก็อาจจะไม่ได้เจอเขาอีก
     เดินไปจนเกือบจะถึงทางเลี้ยวก็พบเจ้าตัวเป้าหมายกำลังยิ้มร่าหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่กับใครอีกคนที่สูงไล่เลี่ยกับเขา เด็กหนุ่มผมน้ำตาลครีมหรือว่าโซโกะเจ้าชายดาวเอสนั่นเอง
     ' คุยกันเพลินเลยสินะ ตั้งแต่ที่ออกไป...ก็ดีแล้วหมอนั่นไม่ได้เครียดกับเรื่องของฉัน แต่ว่า... '
     พอมาคิดว่ากินโทกิเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่ทะเลาะกับเขาแล้วขึ้นมามันก็ปวดใจนิดๆ ถึงกับคิดในใจว่าถึงกินโทกิโกรธเขานั่นอาจจะดีกว่านี้ แต่นี่กลับเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น กินโทกิยังคงยิ้มร่าเริงเหมือนเคย ยังคงพูดคุยเรื่องไร้สาระได้อย่างไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องก่อนหน้านี้
     ' ทำไมกันนะ... '
     " อ่าว คุณฮิจิคาตะ "
     " อะ อื้ม... "
     ฮิจิคาตะทำเป็นว่าพึ่งเห็นทั้งสองคน เขายกมือขึ้นก่อนจะคาบบุหรี่เดินตรงดิ่งไปช้าๆเพื่อจะได้สังเกตุท่าทีของอีกคนด้วย
     " ผมกำลังคุยกับลูกพี่อยู่พอดีเรื่องวันพรุ่งนี้ "
     " ว่าไง จะลางานหรอ? " ฮิจิคาตะเลิกคิ้ว
     " ใช่ครับ ขอลาช่วงเช้ากับช่วงค่ำ เอาง่ายๆก็ทั้งวันนั่นล่ะครับ "
     " ก็บอกว่าลาทั้งวันก็หมดเรื่องแล้วไอ้บ้าห้าร้อย! "
     " งั้นก็เจอกันนะครับลูกพี่ "
     " อ่า ไว้เจอกัน "
     กินโทกิพูดพลางลูบหัวโซโกะเบาๆก่อนจะเบี่ยงตัวออกจากตรงนั้น แต่ถูกมือของฮิจิคาตะคว้าไว้ทันเสียได้ จนเจ้าตัวต้องหันกลับมาสบตากับฮิจิคาตะก่อนจะทำหน้ามึนเหมือนอย่างทุกที
     " วันนี้แกไปไหนต่อหรือเปล่า? "
     กินโทกิทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยิ้มตอบ
     " มีธุระ...ฉันต้องทำงาน ลาล่ะ "
     พูดจบก็ทิ้งทวนรอยยิ้มจางๆพร้อมคำว่าทำงานให้อีกคนได้คิด ฮิจิคาตะได้แต่ทำหน้ามึนก่อนจะรู้ตัวอีกทีเจ้าหนูโอคิตะตัวร้ายก็พูดจ่อไว้แล้ว
     " ต้องขอบคุณ คุณฮิจิคาตะจริงๆนะครับ ที่ให้ลูกพี่ว่างมาชวนผมเองเลย "
     " หมอนั่นชวนไปไหน " ฮิจิคาตะขมวดคิ้วเป็นปม
     " ที่ๆคุณกับเขาไปกันบ่อยๆไงครับ " โอคิตะยกใหล่ท่าทีน่าหมั่นไส้
     " ฉันไม่เคย.."
     " อ๊ะ! ผมล้อเล่นครับ ลูกพี่ชวนผมกินมื้อเที่ยงครับ ผมเองก็อยากจะเลี้ยงตอบแทนลูกพี่มาตั้งนานเเล้ว "
     " เฮอะ...อย่าแกก็ตอบแทนคนอื่นเป็นนี่นะ แล้วก็ทานมื้อค่ำกันงั้นสินะ "
     " อย่างอื่นด้วยก็ไม่แน่หรอกนะครับ... "
     ฮิจิคาตะถึงกับสะดุ้งในใจ เเต่อย่างเคยเขาไม่ได้แสดงมันออกมาให้คนอื่นเห็นแม้สักนิด
     " ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ คู่แข่งเยอะผมก็ยิ่งต้องรีบทำคะเเนนนำให้ทิ้งห่างยังไงล่ะครับ "
     " คู่แข่งอะไรของนายโซโกะ "
     ฮิจิคาตะยกมือขึ้นคีบบุหรี่ออกจากปากก่อนจะพ่นสารมะเร็งออกมา โซโกะก็ได้แต่ปรายตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยตามด้วยรอยยิ้มแสนแสบของเขา
     " ไม่มีอะไรหรอกครับไอ้คุณบื้อฮิจิคาตะ "
     " ใครคือไอ้คุณบื้อว่ะฮะ! " เขาถึงกับหัวเสียขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำที่ไม่เข้าหู
     " คุณนั่นแหละครับ คุณฮิจิคาตะ " พูดพร้อมยิ้มอย่างมีนัยย์
     " พูดอะไรหัดให้มันชัดเจนหน่อยจะได้ไหม ? "
     " ผมชอบลูกพี่... "
     " ฮะ!? " ฮิจิคาตะที่ได้ยินดังนั้นถึงกับสะดุ้งอย่างแสดงออก
     " ชัดเจนพอไหมครับและถ้าเกิดมีใครเข้ามาขวางทางผมล่ะก็... " โอคิตเอื้อมมือไปชักดาบที่เอวออกมาเล็กน้อยก่อนชักสีหน้าโหดขึ้นมา " ผมก็ไม่ลังเลที่จะฟันทิ้งหรอกนะ "
     พูดบ้าอะไรของมัน อย่างหมอนั่นเนี่ยนะชอบ...
     ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรานี่...แต่...  มันน่าแปลกที่ผมรู้สึกเจ็บใจนิดหน่อยเมื่อได้เห็นโซโกะแสดงท่าทีที่จริงจังออกมาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ช่างน่าแปลกใจที่เห็นโซโกะจริงจังขนาดนี้ หมอนั่นคงไม่ได้พูดเล่นเเน่ๆเรื่องนั้น
     ช่างเถอะ คงไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้นหรอก...
     ว่าแล้วขาของผมก็ถูกพามาที่ๆคุ้นเคย ร้านข้าวร้านประจำของทั้งเขาและกินโทกิที่ชอบสั่งของแปลกๆพิลึกๆมากิน พอนึกถึงอาหารแมวโปะถั่วแดงนั่นหน้าเจ้าของเมนูก็ลอยออกมาทุกที
     ' หมอนั่นจะทำหน้ายียวนกวนประสาทส้นเท้าให้ทำงาน ก่อนจะทำหน้าไม่พอใจที่ฉันว่าอาหารจานนั้นเป็นอาหารแมวก่อนจะซัดข้าวเข้าไปซะเต็มที่ชนิดที่ว่าไม่เคี้ยวให้ละเอียดก็กลื้นซะเเล้ว '      ' ตลกซะไม่มี ไม่เห็นจำเป็นจะต้องทำท่าทีแบบนั้นเลยแท้ๆ '
     ว่าจบก็เดินเข้าไปในร้าน ในใจที่หวังว่าคงไม่ได้เจออะไรที่คุ้นเคย แต่ดันเจอซะได้ นี่สินะที่เขาว่าเกลียดอะไรจะได้อย่างนั้น (จริงๆก็ไม่ได้เกลียดหรอก ปากเสียไปงั้นล่ะ)

     กินโทกินั่ง...เออ กึ่งนั่งล่ะนะ เขาฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะท่าทีหมดสภาพ คงเพราะดื่มหนักจนเกินไป นั่นไงไม่ทันขาดคำ มือข้างหนึ่งของเขายังกำขวดเหล้าไว้เเน่นไม่ยอมปล่อยเชียว ท่าทางจะไม่ไหวแล้วล่ะ
     " สวัสดีครับคุณฮิจิคาตะ "
     " อ่าครับ หมอนี่มานั่งนานหรือยัง ? " พูดเสร็จก็ชี้ไปที่ร่างอีกคนที่สลบคาโต๊ะสภาพดูไม่ได้เอาซะเลย
     " ซักพักแล้วล่ะครับ คุณฮิจิคาตะช่วยคุยกับเขาหน่อยสิ " เจ้าของร้านกระซิบกระซาบ
     " ฮะ!ผมน่ะหรอ? "
      " คุณรู้จักกันใช่ไหมล่ะครับ มานั่งข้างๆเขาทีเดี๋ยวผมเลี้ยงเหล้าคุณเอง "
     " อ๊ะ โถ่.. "
     ฮิจิคาตะที่กำลังจะหันไปปฏิเสธคำขอนั่นก็เห็นได้ว่าเจ้าของร้านได้หายวาบเข้าไปในร้านเพื่อไปคว้าเหล้ามาเป็นตัวประกันซะแล้ว เห็นดังนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางเดินไปนั่งข้างๆอีกคนที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร
     " กินโทกิ ตื่นได้แล้ว " เอื้อมมือไปเขย่าตัว
     " อื้อ...ใคร ? " กินโทกิสภาพเมามายนั่นปีนป่ายตัวเองขึ้นจากโต๊ะได้ก็เอามือท้าวคางไว้ก่อนจะประคองตัวเองให้นั่งได้เหมือนคนปกติ
     " ฉันเอง "
     " อ่อ...ท่านรองมายองเนส "
     " แกจำชื่อคนอื่นดีๆไม่ได้หรือไงกันฮะ! "
     " แค่แกคนเดียวเท่านั้นล่ะ " กินโทกิกลับไปฟุบโต๊ะเหมือนเดิม
     " แล้วไหนว่าแกมีงาน "
     " นี่แหละงานของฉันคืนนี้ งานนั่งดริ้งไงล่ะ " กินโทกิพูดพร้อมๆกับใช้นิ้วลูบปากขวดเหล้าไปมา สภาพคนเมาหมดสภาพนั่นเอง เห็นสภาพนั้นฮิจิคาตะก็อดที่จะปากเสียออกไปไม่ได้
     " เฮอะ! ไม่มีงานทำก็หาเรื่องซดน้ำเมา คนอย่างแกนี่มัน... "
     ไม่ทันสิ้นประโยคร่างคนเมานั่นก็ลุกฮือขึ้นมาก่อนที่แขนจะกวาดขวดเหล้านั่นลงไปกองกับพื้นเสียงดังโครงครามจนลูกค้าอื่นๆตื่นตระหนก ตามมาด้วยเสียงโวยวายของกินโทกิ
     " ทำไมหรอคนอย่างฉันมันทำไมหรอ?! "
      กินโทกิที่ลุกฮือขึ้นมานั่นทำท่าทีกร่างใส่ฮิจิคาตะทันทีที่ลุกขึ้น เขาเห็นท่าทางไม่ดีเลยพยายามควบคุมสติเเล้วห้ามไม่ให้อีกคนทำอะไรพิเรณๆ
     " นี่แกทำบ้าอะไร แก้วหล่นไปแล้วนะ "
     " คนอย่างนายมันไม่เข้าใจอะไรเลย "
     " แล้วแกคิดว่าแกเข้าใจไปมากกว่าฉันงั้นสิ "
     " ใช่ อย่างน้อยๆฉันก็ไม่โกหกตัวเอง "
     " แกนี่มันพูดไม่รู้เรื่อง! "
     ก่อนที่ทั้งสองจะปะทะอารมณ์กันต่อ เจ้าของร้านก็ฉุดคิดห้ามทั้งสองคนจนได้
     " พอก่อนเถอะนะลูกพี่ทั้งสองคน ใจเย็นๆสิ คุณสองคนนี่นะ จะตอนเมาหรือไม่เมาก็หาเรื่องกันอยู่ได้ตลอดเลย ว่าแต่เป็นไงคุณกิน โดนใครทิ้งมาหรือไงกัน มาดื่มซะหนักขนาดนี้ผมคิดว่าโดนทิ้งนะเนี่ย " เจ้าของร้านเบี่ยงประเด็นเมื่อเห็นทั้งสองยอมแยกจากกันแต่โดนดี
     " ใช่แล้วล่ะลุง ผมถูกทิ้ง... " พูดพร้อมกับหันมามองที่ฮิจิคาตะที่กำลังสนใจเหล้าตรงหน้าอยู่แต่ก็แอบปรายตามองกินโทกิอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
     " อย่าไปหลับกลางทางล่ะลูกพี่รับจ้างสารพัด "
     " ชิ! น่ารำคาญเสมอต้นเสมอปลาย " ฮิจิคาตะสบถออกมาเสียงดัง
     " ... "
     กินโทกิเดินหายไปออกจากร้านโดยไม่พูดอะไรออกมาอีกเลยซักคำเดียว ฮิจิคาตะที่ไม่ได้ใส่ใจในสิ่งนั้นก็ถูกทักท้วงขึ้นมาเสียได้
     " แปลกๆไปนะว่าไหมคุณฮิจิคาตะ "
     " อะไรหรอ ? วันนี้ข้าวเเข็งไปนิดนั่นล่ะที่แปลก "
     ว่าแล้วก็ยกถ้วยข้าวขึ้นมาซัดโฮกยกใหญ่ ก่อนจะถูกท้วงอีกทีจนได้สติ
     " ไม่ใช่แล้วคุณฮิจิคาตะ นี่คุณไม่สังเกตุจริงๆหรือว่าแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่? "
     .
     .
     .
     ไร้สาระชะมัด ใครจะเเคร์ล่ะว่าหมอนั่นจะเป็นอะไรไประหว่างทางหรือเปล่าน่ะ ถ้าคุณลุงร้านเเสน๊คไม่ได้ขอให้ตามมาดูระหว่างทางก็ไม่มาหรอกนะจะบอกให้...
     ให้ตายสิหมอนั่นจะไปไหนเนี่ย ทางกลับบ้านมันคนละทางเลยนะเว้ย! เมาจนลืมทางกลับบ้านเลยหรือไงเวรละสิ เข้าไปในซอยซะเเล้ว...ผมวิ่งตามไปให้พอได้เห็นภายด้านในซอยแคบๆที่ดูเหมือนว่าจะเป็นซอยตัน หมอนั่นจะเข้าไปทำอะไร !?
     ยืนรออยู่แถวนั้นซักพักก็ไม่มีท่าทีว่าอีกคนจะออกมา ในฐานะของตำรวจก็จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบด้วยเลยเดินเข้าไปจนพบว่ามันเป็นซอยไว้สำหรับทิ้งขยะ เดินเข้าไปจนสุดท้ายก็จะพบกองขยะกองใหญ่ที่ถูกสุมไว้กองท่วมหัวมองไกลๆราวกับเป็นกำแพงยักษ์ ซึ่งแน่นอน เมื่อผมเข้าไปในนั้นก็พบซาก(?)คนเมาปลิ้นที่กำลังพยายามซุกหัวเข้าไปในกองขยะนั่นราวกับเป็นที่นอน...
     " งื้มม ดื่มไม่ไหวแล้วจ้าา "
     " เออๆ ดื่มไม่ไหวก็ไม่ต้องดื่ม "
     ผมดึงร่างนั่นออกมาให้พ้นจากกองขยะก่อนจะจัดเเจงเสื้อผ้าเขาให้อยู่ในสภาพที่ดีขึ้นก่อนจะตีไปที่หน้าเลื่อนลอpนั่นเบาๆ
     " เฮ้! รู้สึกตัวไหมไอ้หัวขาว! "
     " นายก็รู้ว่าฉันกินเก่งขนาดไหน.. "
     " ฉันจะพาไปส่งที่บ้าน มีกุญแจบ้านหรือเปล่า นี่ตอบฉันสิ ! "
     " แต่วันนี้อิ่มแล้วจริงๆนาา.. "
     " ไม่มีประโยชน์เอาซะเลย "
     ผมได้ถอนหายใจมองร่างอีกคนที่ไม่มีท่าทีจะรู้สึกตัว เนื้อตัวผิวสีครีมนม เสื้อผ่าอกกับกิโมโนนั่นดูยั่วยวนเกินไป ทั้งยังหน้าเลื่อนลอยชุ่มเหงื่อนั่นอีก ถ้าผมไม่ได้ตามมาคงโดนฉุดเเล้วล่ะหมอนี่น่ะ ไม่ระเเวดระวังตัวเองซะเลย
     ว่าไปตอนนี้ก็ไม่รู้ตัว เพราะงั้นจะเก็บไว่ว่าวันหลังก็แล้วกัน ตอนนี้คงต้องรีบพากลับบ้านไปก่อนตัวชักจะเริ่มเย็นซะเเล้วสิ ผมคิดพร้อมเอามือสัมผัสไปที่ต้นเเขนของเขาที่ผมรู้สึกได้ว่ามันเย็นผิดปกติไปแล้ว ' เอาล่ะ..วันนี้วันเดียวเท่านั้นล่ะนะที่จะให้แกขี้หลังฉันได้น่ะ '
     " ตัวหนักเหมือนกันนะ... " ฮิจิคาตะบ่นพึมพำ
     ทันทีที่แบกเจ้าตัว อันที่จริงมันไม่ได้หนักอย่างที่ผมบ่นไปเลยซักนิด ช่วงบนของอีกคนสัมผัสที่หลังของผมนั่นทำให้ผมทำตัวไม่ถูก ผมกลัวเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของผมที่สั่นเเรงกว่าปกติในทุกๆครั้งที่ได้ใกล้กับเขา
     อ่า..แย่จริง อย่างที่โซโกะพูด ผมมันซื้อบื้อ...ไม่ต่างอะไรกับหมาขี้แพ้ที่ไม่กล้าแม้ที่จะพูดความจริงที่อยู่ในใจของตัวเองออกมา
     อันที่จริงเขาโกรธผมเรื่องนั้นหรือเปล่านะ...ไม่หรอก ไม่งั้นหมอนั่นจะนัดเดทก็โซโกะทำไม ไม่ใช่เพราะว่าเห็นเรื่องเราไม่สำคัญเท่าโซโกะหรอกหรอ?
     บ่นอยู่ในใจอยู่พักใหญ่ก็เดินมาถึงจนได้ ร้านรับจ้างสารพัดที่อยู่ชั้นสอง ผมก้าวขึ้นบรรไดผ่านพ้นไปได้ด้วยดีพลางเลื่อนบานเลื่อนด้วยไหล่พลางเดินเข้าข้างในนิดหน่อยให้พ้นชั้นวางรองเท้าแล้ววางร่างเจ้าตัวที่ไร้สติมาสักพักนั่นลงกับพื้นไม้
     " ฉันช่วยได้แค่นี้นะ... "
     พูดไม่ทันไรผมก็ดันถูกมืออีกคนดึงให้ต่ำลงไปจนแทบจะอยู่ในท่าที่ลงไปนอนกอดอีกคน ผมที่ตกใจก็รีบใช้แขนทั้งสองดันตัวออกมา อันที่จริงผมไม่อยากจะนอนทับเขาทั้งๆแบบนี้หรอก เดี๋ยวเขาก็ได้ตายก่อนกันพอดี
     " รู้สึกหรือเปล่า ? " แววตาเลื่อนลอยนั่นเบิกขึ้นช้าๆพร้อมๆกับพูด
     " พูดอะไร ? " ผมมองอีกคนที่กำลังพรรณาเสียงหวานออกมาจากปาก
     " รู้สึกถึงความรู้สึกแปลกๆนั่นหรือเปล่า ? "
     " แน่นอน ตอนนี้รู้สึกแปลกมากๆที่แกมาพูดอะไรแบบนี้เอาตอนนี้ เอาล่ะถ้ารู้สึกตัวก็ไปนอน... "
     ไม่ทันที่ผมจะพูดจบเจ้าตัวที่นอนอยู่เห็นท่าทีที่ผมกำลังจะลุกขึ้นก็ก็พุ่งตัวมาสวมกอดทันทีทันใด
     " ฉันน่ารำคาญงั้นหรอ? "
     " อ่า.. "
     " ฉันคงจะงี่เง่าใส่นายมากไปสินะ อ่อ ฮะๆๆ โทษทีนะ ฉันไม่ใช่คนที่นายจะมาใส่ใจอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว..ทั้งๆที่คิดแบบนั้นได้แล้วแท้ๆ ฮึก... "
     " เฮ้ย ! นี่แกร้องไห้หรอ รับจ้างสารพัด.. "
     " ขอโทษนะ ฉัน... "
     " เฮ้อ...หยุดร้องเถอะนะ นายไม่ได้ผิดฝ่ายเดียวหรอก ฉันก็ผิดที่... "
     " คร่อกกก.... "
     " นี่แกละเมองั้นหรอ! หนอย.... "
     ว่าแล้วก็ลากเจ้าตัวปัญหาไปนอนบนโซฟากลางห้องรับแขกก่อนจะมองซ้ำไปที่หน้าปริ่มน้ำตาก่อนจะเผลอรู้สึกบางอย่างขึ้นมา มันคงเป็นความรู้สึกพิเศษสำหรับคนพิเศษๆก็เป็นไปได้นะ แต่มันคงไม่จริงหรอก...
     .
     .
     .
     " รอนานไหมครับลูกพี่ "
     " ฉันก็พึ่งถึง กินอะไรมาหรือยัง ? "
     " ยังเลยครับ เราไปกินร้านไหนกันดี "
     " ร้านตรงนั้นอร่อยนะ เมนูก็หลากหลายดี "
     " เอาสิครับ วันนี้ให้ลูกพี่เลือกได้เลยนะ "
     " โซโกะใจดีผิดคาดนะวันนีน่ะ "
     " ปกตินี่ครับ "
     ผิดปดติสุดๆ...
     บ้าไปแล้ว ไอ้ซาดิสนั่นมันต้องซ่อนแผนพิลึกๆไว้หลังใบหน้ายิ้มแย้มแบบนั้นแน่นอน คนอย่างมันไม่มีทางทำอะไรไม่หวังผลหรอกน่า แต่ว่า...
     ผมชอบลูกพี่ ถ้าใครเข้ามาขวางผมก็ไม่ลังเลที่จะฟันทิ้งหรอกนะ '
     หมอนั่นพูดออกมาขนาดนั้นเเล้ว ชิ! แล้วจะไปใส่ใจทำไมเนี่ย ไม่เกี่ยวกับเราแล้วซักหน่อย
     " รองครับ... "
     อีกอย่าง ท่าทางของหมอนั่นก็ดูจะชอบใจ มันก็ดีแล้วนี่..
     " รองครับ ! "
     " ว่าไง ว่าแต่จะตะโกนทำไมฉันก็อยู่ใกล้ๆนี่เอง "
     " ผมเรียกตั้งนานแล้วนี่ครับ "
     " งั้นหรอ มีอะไร? "
     " เปล่าหรอกครับ ผมแค่เห็นรองเอาแต่มองไปทางนั้น แต่ผู้ร้ายที่เราตามจับน่ะอยู่ทางนี้นะครับ "
     " เออๆ..เข้าใจแล้ว "
     เวลาทำงานไม่ควรเอาเรื่องอื่นเข้ามายุ่งวุ่นวายให้ปวดหัวนี่ แย่จริง เป็นรองหัวหน้าที่ทำตัวไม่สมกับการเป็นรองหัวหน้าแบบฉันมันต้องโดนคว้านท้อง!
     " คุณฮิจิคาตะมาทำงานแถวนี้นี่เอง "
     " เออ.. "
     ผมได้แต่มองอีกคนที่ยืนเงียบๆอยู่หลับโซโกะ ท่าทางสงบเสงี่ยมนั่นมันขัดหูขัดตาบอกไม่ถูก
     " เป็นไงบ้างรับจ้างสารพัด ได้อยู่กับโซโกะ "
     " ก็... "
     ไม่ทันที่เจ้าตัวจะตอบด้วยสีหน้าพะอืดพะอมเหมือนไม่อยากจะตอบโซโกะก็เเทรกตัวระหว่างผมกับกิโทกิก่อนจะจับมือเจ้าตัวมาแล้วพูดพร้อมสีหน้าร่าเริง
     " เยี่ยมไปเลยล่ะ ใช่ไหมครับลูกพี่? "
     " อื้ม ใช่แล้วล่ะ "

     
     น่าหงุดหงิดชะมัด ท่าทางสงบเสงี่ยมตอนอยู่ต่อหน้าฉันที่มันอะไรกัน แล้วสายตาปลาตาที่เคยมองมาหาฉันล่ะมันหายไปไหนหมด!
     " ท่าทางฉันคงจะขวางทางพวกนายนะ ไปล่ะ "
     พูดจบก็เดินห่างออกมาอีก อันที่จริงก็ไม่อยากจะอยู่ด้วยนักหรอกตรงนั้นกับความคิดบ้าๆนี่ อยากจะแน่ใจให้มากกว่านี้ อย่าพึ่่งวู่วามฮิจิคาตะ โทชิโร่!//ยกมายองเนสขึ้นมาดมระงับสติ(?)
     แต่เหมือนกับว่าผมจะทำงานต่อไม่ได้เลย เอาแต่ตามเจ้าสองหน่อนั้นไปไหนมาไหนด้วยกันทั้งวันจนไม่เป็นอันทำงาน ไม่รู้ทำไมถึงต้องเป็นห่วงด้วย หมอนั่นก็ดูแลตัวเองได้ ผมก็รู้ดีแต่ในใจก็ยังรู้สึกเป็นกังวลอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ ยิ่งพอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาด้วยแล้วยิ่งรู้สึกขัดใจอย่างช่วยไม่ได้
     ตอนหมอนั่นเมา มักจะชอบพูดอะไรเรื่อยเปื่อย เรารู้ดี... แต่ที่พูดเมื่อคืน มันทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเอง!
     " งั้นก็แยกกันตรงนี้เลยแล้วกันนะโอคิตะคุง "
     " ไม่เดินไปให้ถึงร้านเลยหรอครับลูกพี่ ? "
     " ไม่ดีกว่า ไว้เจอกันใหม่นะ วันนี้ขอบคุณมาก "
     " ครับลูกพี่ พรุ่งนี้ผมจะไปหานะ "
     ที่หมอนั่นพูดตอนละเมอ มันมีความหมายอย่างที่ผมเข้าใจหรือเปล่า !?
     รู้ตัวอีกทีขาของผมก็เดินตามเจ้าสองหน่อนั้นมาจนถึงทางแยกจนได้ สองคนนั้นแยกทางกัน โซโกะท่าทางจะเดินกลับชินเซ็น ส่วนเจ้าหน้าปลาตายนั่นก็เดินไปนั่งอยู่ริมคลอง หน้าตาแน่วแน่มองจันทร์นั่นหมายความว่าไงกัน...
     " อยากจะอยู่คนเดียว แต่ถ้าจะมาแจมด้วยก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะมายอง "
     รู้แล้วเร๊อะ... ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก...
     " งั้นก็ขอนั่งด้วยละกันนะ "
     ว่าจบก็เดินลงไปนั่งบนพื้นหญ้าต่างระดับห่างกับเจ้าตัวพอสมควร อีกคนไม่ได้พูดอะไรเลยหลังจากนั้น ผมเองก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน(จริงๆก็มีแหละแต่คิดว่าคงยังไม่ถึงเวลา) ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ผมพึ่งรู้ตัวว่าผมเองไม่เคยเปิดประเด็นคุยกับเจ้านี่ด้วยตัวเองเลย พึ่งมารู้ตัวว่าตลอดมามีแต่เจ้านี่ที่ชวนเราคุย พอมันเงียบแบบนี้มันทำให้ทุกอย่างเงียบไปหมดรวมถึงผมเองก็เช่นกัน
    อึดอัด... '
     " ปกติจะปากมากกว่านี้ไม่ใช่หรือไงรับจ้างสารพัด "
     ปากเสียออกไปจนได้สิเรา
     " ... "
     เงียบแบบนี้หมายความว่าไง !?
     " นี่! ไม่ได้ยินที่พูดหรือไงไอ้หงอก..! "
     ผมพูดไปไม่ทันคิดเช่นเคย พลางมือของผมก็คว้าไปที่คอเสื้อร่างตรงหน้าผม ร่างนั้นที่เหมือนไม่ทันตั้งตัวถึงกับหงายเท้งเก้งราวกับไร้น้ำหนักก่อนจะเซถลามาพิงไหล่ผมก่อนจะแน่นิ่งไปในท่านั้น
     " อะไรอีกล่ะ เอาแต่เงียบอยู่ได้มันอึดอัด... " ฮิจิคาตะพูดสวาปามอย่างหน้าเนื้อใจเสือ
      เขาเป็นประเภทที่ถ้าเปิดใจจะพูดแล้วก็คงจะไม่ยอมง่ายๆ ในช่วงเวลาที่เขาพูดอย่างเดือดดาลนั่นกิโทกิก็ถลาตัวเองออกมาจากไหล่อีกคนก่อนจะเงยหน้าสบตากับอีกคนด้วยท่าทีที่แปลกออกไปต่างจากปกติที่ฮิจิคาตะเคยเห็น ดวงตาสีแดงเลือดนั่นฉายแววความเป็นกังวล ปากที่สั่นจนมองเห็นได้ชัด กับท่าทีที่ขัดหูขัดตาราวกับกำลังบังคับตัวเองจนตัวสั่นระริกไปหมด
     " นายจะเอายังไงกันแน่... "
     " หา? "   
     " ไอ้บื้อเอ๊ย! ไอ้คนบ้า! ไอ้เลว! "
     " มาด่าฉันฉอดๆแบบนี้หวังว่าจะมีคำอธิบายนะเว้ย! ไอ้หัวหงอก! "
     " มีแน่นอนล่ะไอ้ตัวก่อสารมะเร็ง! "
     " กลับมาพูดมากเหมือนเดิมซักที... " ฮิจิคาตะถอนหายใจเฮือกใหญ่
     กินโทกิที่เหมือนจะสติแตกไปพักนึงเขาก็กลับมาทำท่าทีเหมือนเดิม ตัวสั่นงันงกกับแขนที่เหมือนพยายามรัดกุมตัวเองเอาไว้มือข้างหนึ่งปิดปากตัวเองเอาไว้แล้วหันหลังให้ฮิจิคาตะทันทีที่รู้ตัว
     " อ่าว กลับเป็นหมือนเดิมซะเเล้ว นี่...ปากน่ะไม่ต้องปิดหรอก แล้วจะหันไปทำไมยังคุยไม่จบเลยนะ "
     " อื้อ ! " กินโทกิส่ายหัว
    เป็นบ้าอะไร!? '
     " รับจ้างสารพัด แกมีอะไรที่อยากจะบอกหรือเปล่า พูดมาเถอะ แบบนี้มันอึกอัดนะ "
     " จำเป็นด้วยหรอ? "
     ' อ่าว ไอ้หอกชำรุดนี่ ! '
     " ฉันพูดดีๆด้วยแล้วนะ ! " ฮิจิคาตะพูดจบก็ทำท่าจะเดินเข้าไปให้ใกล้ขึ้น แต่ทางอีกคนก็หันตัวกลับมาพอดีก่อนจะกัดฟันอยู่สักพัก
     " นายชอบใจแบบไหนกันแน่ ? "
     " ฉันไม่เข้าใจ "
     " ฮึ่ยย...ฉันเงียบนายก็อึดอึด ฉันชวนคุยนายก็รำคาญ ต้องการอะไรกันแน่!! "
     " เรื่องนี้เองหรอ ? "
     " เรื่องนี้เองหรอ ? พูดได้หน้าตาเฉยเลยนะ รู้ไหมว่าฉันต้องพยายามขนาดไหนเพื่อให้แกอารมณ์ดีขึ้นมาน่ะ โดนแกว่าแบบนั้นทุกวันมันไม่ใช่เรื่องหรอกนะ เพราะใครกันล่ะทำให้ฉันต้องปากมากน่ะ ! "
     " เรื่องนี้เอง... "
     " อย่ามาทำพูดดดีนะไอ้บ้า! รู้ไหมว่าฉันก็รู้สึกกับเขาเป็นเหมือนกันน่ะ ทำอะไรก็ไม่พอใจซักอย่าง เพราะเป็นฉันสินะ โทษทีนะไอ้คุณรองหัวหน้า "
     พูดจบฮิจิคาตะก็คว้ากินโทกิเข้าไปในอ้อมกอดเขาเบาๆ
     " ไม่ต่างกัน... "
     " ห้ะ!? "
     " ฉันกับนายไม่ได้คิดต่างกันเลยซักนิด ฉันเองก็ไม่สบายใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็รู้สึกผิด แต่แกน่ะมันน่านักนะรู้ไหม " ขยี้หัวอีกคนเบาๆ
     " อ๊ะ ขยะเเขยง... " กินโทกิผลักตัวออกห่างก่อนจะทำหน้าทำตาขนลุกขนพอง
     " ชิ! มานี่เลย " แต่ฮิจิคาตะก็คว้าเข้ามาในอ้อมแขนเขาอีกครั้งคราวนี้ล๊อกไว้จนออกไม่ได้
     ความเงียบเข้าปกคลุมพื้นที่นี้อีกครั้ง กินโทกิที่อยู่ในอ้อมแขนนั่นตัวแทบจะสลายไปแล้ว ฮิจิคาตะที่เหมือนนั่งนึกเรียงคำพูดของตัวเองอยู่ซักพักก็พูดออกมาเบาๆ
     " ขอโทษทีที่พูดแบบนั้นไป... "
     " อะไร ? "
     " ตอนที่ไล่ให้นายออกจากห้องไง "
     " อ้อหรอ ตอนนั้นเองหรอ " ทำหน้าไม่สบอารมณ์
     " ทำหน้าแบบนั้นทำไม ก็ขอโทษแล้วนี่ ? "
     " ฉันไม่พอใจอะไรง่ายๆอย่างเช่นคำขอโทษหรอกนะ "
     " เรื่องเยอะนะแก "
     " เพราะคุณกินน่ะชอบของหวานน่ะสิ ถ้าเลี้ยงละก็รับรองว่าจะหาย...อ๊ะ! "
     " งั้นช๊อกโกแลตเคลือบสตอเบอร์รี่รุ่นพิเศษนี่คงพอจะช่วยให้หายโกรธได้สินะ ? " พูดพร้อมๆกับยกกล่องขนมหน้าตาดูดีขึ้นมาพลางหยิบขนมในมือนั่นมาโยนไปมา
     " นั่นมัน!นายได้มันมาได้ไง คนอย่างแกเนี่ยนะ!? "
     " ก็แค่เดินผ่านร้านมา เห็นคนรุมซื้อกันเยอะ พวกคลั่งของหวานอย่างพวกนายคงจะชอบอะไรแบบนี้สินะ "
     " สุดๆเลยล่ะ นั่นมันของแพงที่นานทีปีหนจะทำออกมาขายนี่นา " กินโทกิน้ำลายหกทำท่าจะฉกซะให้ได้
     " งั้นฉันให้... "
     " จริงดิ โหยยย ขอบใจมากฮิจิคาตะคุงงง " ปล่อยออร่ารูปหัวใจเปล่งประกายในดวงตา
     " ให้ตายสิ แกนะแก... "
     " เป็นอะไรไป อ๊ะ! " มองตามมือฮิจิคาตะที่มีขนมรูปหัวใจนั่นอยู่ในมือไม่ละลายตา จนไม่ทันสังเกตุเลยว่าฮิจิคาตะลากมือมาจนใกล้กับใบหน้าคมของเขา จนมันใกล้มากพอเขาก็เอามือออกก่อนจะผลักตัวเองเข้าไปประกบริมฝีปากกับอีกคนอย่างจงใจ
     " รสหวานก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ " เขาพูดพร้อมเลียริมฝีปาก
     " อ่ะ... " กินโทกิหน้าชาไปซักพักก่อนจะออกโรงต่อยไปที่หน้าอีกคนเต็มๆ

     " ไอ้บ้า!! นั่นมันจูบแรกในรอบ 10ปีที่ฉันรักษาไว้เผื่อเคซึโนะอานะเชียวนะ! ไม่ยกโทษให้แกหรอกไอ้บ้ามายองเนสส !! "
     " โอ๊ยย ! " ฮิจิคาตะหงายหน้าคะมำไปกับพื้นเพราะไม่ทันตั้งตัว แหงสิ ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะก็คงเคลิ้มคล้อยตามน้ำไปจนถึงวิมารชั้นฟ้าแล้วล่ะ
     " ต่อให้ขนโรงงานช๊อกโกแลตมา10โรงก็จ่ายฉันไม่ไหวหรอก ติดหนี้ฉันแล้วนะไอ้หัวตรง " วิ่งจ้ำอ้าวไปทันที


END

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม